วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โคราช-เชียงคาน ณ ริมแม่น้ำโขง (12-14 ส.ค.53)

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 53 เราเริ่มออกเดินทางจาก อำเภอขามสะแกแสง นครราชสีมา เวลาประมาณ 11.00 น. ไปตามเส้นทางสายชัยภูมิ - เลย ตลอดทางมีธรรมชาติสวยงามมาก จุดแรกที่เราแวะถ่ายรูปคือ ผานกเค้า ทางไปภูกระดึง จ.ว.เลย วันนั้นฝนตกตลอดทาง
และถึงผาหินงาม(คุณหมิง)ประมาณบ่ายสองโมง เมื่อไปถึงจะมีมัคคุเทศก์น้อยคอยให้บริการนำเที่ยว และได้นั่งรถแต๋นแสนสนุกขึ้นไปชมทัศนียภาพบนเขา

จากนั้นเราเดินทางต่อไป ถึงที่หมายที่อำเภอเชียงคานเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ขับรถเข้าซอย 20 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเรียบริมโขง เชียงคานเกสต์เฮ้าส์ (Chiang Khan Guest House) คือที่พำนักของเราไปอีกสองคืน ในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว ที่พักหายากมาก เราต้องจองล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์ เจ้าของชื่อ "คุณพิม" อัธยาศัยดีมาก เราโชคดีที่ได้พักที่นี่

(ภาพบนถ่ายบนที่พัก) ยังพอมีแสงให้ถ่ายภาพแม่น้ำโขงได้ น้ำช่วงนี้มีมากจนเกือบล้นตลิ่ง
หลังจากพักผ่อนให้หายเมื่อยล้า จากนั้นเมื่อพลบค่ำเราออกสำรวจร้านค้า อาคารยามค่ำคืน
ดอกไม้อยู่ฝั่งไทย ไกลๆเป็นฝั่งลาว

คืนแรกนอนไม่ค่อยหลับเพราะเสียงดัง ตอนเช้าต้องตื่นประมาณตีห้า เจ้าของบ้านจะเตรียมเก้าอี้วางไว้
ตอนแรกก็แปลกใจว่า เอ..ใส่บาตรข้าวเหนียวเดี๋ยวเดียว ทำไมต้องนั่งด้วย(เอากาแฟมานั่งจิบได้เลย)
เราก็นั่งชมบรรยากาศร้านค้าฝั่งตรงข้ามไปเรื่อย
ในช่วงที่พระยังไม่เดินมา ฉันก็ได้ขึ้นไปเก็บภาพแม่น้ำโขงยามเช้ามาฝาก




เมื่อการใส่บาตรจบลงเมื่อเวลาสายมาก ฉันก็ได้มีโอกาสสนทนากับคุณลุง อมร สีสุภเนตร ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งรายการ คนค้นคน ติดตามมาทำข่าวเกี่ยวกับรักแท้ของคุณลุง จึงทำให้เชียงคานโด่งดังไปด้วย
ยืนซ้ายสุด(เสื้อเหลือง) คือคุณลุงแก้ว จันทร์อ้วน ทั้งสองท่านเป็นเพื่อนรักกัน จะพากันไปเที่ยวตลอด
โดยคุณลุงแก้วจะรับหน้าที่ขับรถ นอกจากงานบุญ งานกุศลที่ท่านทั้งสองปฏิบัติมาตลอดแล้ว คุณลุงแก้วยังเป็นผู้มีเมตตา บริจาคหูฟังสำหรับคนหูหนวกมาโดยตลอด ใครได้อ่านบทความนี้และต้องการรับบริจาคก็สามารถติดต่อที่เบอร์คุณลุงแก้วได้ที่ภาพล่างค่ะ

คุณลุงแก้ว ขณะพาเดินชมอุปกรณ์สำหรับทำเครื่องฟังสำหรับคนหูหนวก

และคุณลุงทั้งสองยังกรุณาแนะนำสถานที่เที่ยวให้ด้วย อาทิ

แก่งคุดคู้

ภูทอก

วัดพระพุทธบาทบาทควายเงิน


และพระใหญ่
จากนั้นกลับมาที่พักที่เชียงคานอีกหนึ่งคืน

รุ่งขึ้นอีกวันเป็นวันเสาร์ จำต้องอำลาเชียงคานแล้วล่ะ จนกว่าจะได้ปะกันอีกนะ